ด้วยความสูงกว่า 6,000 ฟุตเหนือระดับทะเล ทำให้ภูเขาไฟแห่งนี้มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี แม้ว่าในฤดูร้อนที่เมืองเชิงเขาจะร้อนอบอ้าวไม่ต่างจากกรุงเทพฯ แต่ถ้าอยากขึ้นไปเที่ยวบนยอดเขาละก็ควรเตรียมเสื้อกันหนาวเอาไว้ด้วย ยิ่งถ้าเจอวันที่ฟ้าปิดมีหมอกลงจัดจะมองแทบไม่เห็นปากปล่องภูเขาไฟอย่างเช่นเมื่อตอนที่ฉันเพิ่งไปถึง แต่โชคดีที่ในที่สุดฟ้าก็เปิดให้พระอาทิตย์ทอแสงลงมา จึงได้เห็นภาพภูเขาไฟอันงดงามที่ยังไม่ยอมหลับ ซึ่งเพิ่งปะทุครั้งล่าสุดเมื่อ 27 ปีมานี่เอง
ระหว่างทางเดินไปยังปากปล่องภูเขาไฟเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก
สินค้าที่โดดเด่นสะดุดตาคือหินประดับสีสวยๆ ที่มีราคาถูกกว่าในเมืองไทยมาก
นอกจากนี้ยังมีสินค้าพื้นเมืองที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งสำหรับคนรักเฟิน
คือกระบอกที่ทำจากลำต้นของทรีเฟินซึ่งขึ้นอยู่เฉพาะบนภูเขาแห่งนี้เท่านั้น
ชาวบ้านจะนำต้นทรีเฟินมาหั่นเป็นท่อนๆ และถากเปลือกออกจนเห็นลวดลายสวยงาม
ที่อยู่ด้านใน แต่ละต้นมีลายไม่ซ้ำกันเลย
หลังจากช้อปกระจายจนพอใจแล้วก็ได้เวลาผจญภัย...
นักท่องเที่ยวส่วนมากมักหยุดอยู่แค่บริเวณปากปล่องภูเขาไฟ
แต่ถ้าเดินต่อไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ลัดเลาะไปตามขอบปล่องละก็
คุณจะได้ย้อนเวลาสู่โลกดึกดำบรรพ์ เพราะเป็นป่าเฟินที่สมบูรณ์มาก
ตลอดทางเต็มไปด้วยเฟินนานาชนิด นับว่าเป็นทริปที่ประทับใจไม่รู้ลืม.....
ตลอดทางเต็มไปด้วยเฟินนานาชนิด นับว่าเป็นทริปที่ประทับใจไม่รู้ลืม.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น